ตลาดหุ้น สหรัฐ ‘ดาวโจนส์’ ได้มีการเพิ่มขึ้นมา 257 จุด โดยเป็นผลตอบรับจากการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ และการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนการเพิ่มขึ้นของ ตลาดหุ้น สหรัฐ ‘ดาวโจนส์’ ได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นไป 257.86 จุด (0.83%)
โดยทำการปิดตัวที่ระดับ 31,188.38 จุด ซึ่งถือว่าเป็นการที่ตลาดนั้นมองถึงความคาดหวังที่ดีขึ้นภายหลังจากที่นาย โจ ไบเดน ได้ทำการสาบานตนเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการภายในวันนี้ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้มีการประกาศถึงแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์
ในส่วนของดัชนีอื่น ๆ ในตลาดนั้น ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปในทางบวกเช่นเดียวกันดังนี้
ดัชนีเอสแอนด์พี 500 (S&P 500) ได้เพิ่มขึ้นมา 52.94 จุด (1.39%) ปิดตัวที่ระดับ 3,851.85 จุด
ดัชนีแนสแด็ก (Nasdaq) ได้เพิ่มขึ้นมา 260.07 จุด (1.97%) ปิดตัวที่ระดับ 13,457.25 จุด
นอกจากนี้แล้วก็ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นดัวกล่าวไม่ว่าจะเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ของเจเน็ต เยลเลน ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ที่ออกมาประกาศถึงการเตรียมพร้อมในการดำเนินการครั้งใหญ่เพื่อปกป้องเศรษฐกิจ และแสดงความกังวลเกี่ยวกับตัวเลขหนี้
และการเปิดเผยผลประกอบการล่าสุดของบริษัทที่จดทะเบียนไม่ว่าจะเป็น
มอร์แกน สแตนลีย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2563 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ อยู่ที่ระดับ 1.81 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้รวมอยู่ที่ 1.364 หมื่นล้านดอลลาร์
เน็ตฟลิกซ์ เปิดเผยว่า บริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.19 ดอลลาร์/หุ้น และมีรายได้โดยรวมอยู่ที่ 6.64 พันล้านดอลลาร์ รวมไปถึงจำนวนผู้ใช้บริการทั่วโลกเพิ่มขึ้นถึง 8.5 ล้านราย
โจ ไบเดน เริ่มทำงานเลย โดยนายไบเดนได้ลงนาม เพิ่มประสิทธิภาพในการต่อสู้กับโรคโควิด-19 พร้อม ยกเลิกคำสั่งทรัมป์
เมื่อวันที่ 21 มกราคม สำนักข่าว BBC รายงานว่า นาย โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่เพิ่งสาบานตนเข้ารับตำแหน่งได้เริ่มทำงานทันที โดยนายไบเดนได้ลงนามอนุมัติใช้ 15 คำสั่งทันที ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคำสั่งที่เพิ่มประสิทธิภาพของรัฐบาลในการรับมือกับโรคโควิด-19
โดยนายไบเดน ตั้งเป้าว่าประชาชนกว่า 100 ล้านคนจะได้เข้ารับการฉีดวัคซีนในช่วง 100 วันแรกที่เขาเข้าดำรงตำแหน่ง ซึ่งนอกจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 แล้ว นาย ไบเดน ยังได้ประกาศว่าเขาจะเร่งหาทางรับมือกับปัญหาสิ่งแวดล้อม
ขณะที่อีกส่วนเป็นการลงนามยกเลิกคำสั่งของนาย ทรัมป์ เช่น ระงับทุนสร้างกำแพงกั้นชายแดนเม็กซิโก เลิกคำสั่งห้ามพลเมืองชาติมุสลิมเข้าประเทศ ลงนามยกเลิกคำสั่งถอนตัวออกจากข้อตกลงปารีสลดโลกร้อนแล้วกลับเข้าไปอีกครั้ง
ซึ่งผู้นำสหรัฐฯคนปัจจุบันกล่าวว่า เขาจะช่วยแก้ไขความเสียหายที่เกิดขึ้นจากรัฐบาลของนาย ทรัมป์ ขณะที่ผลักดันประเทศไปข้างหน้า
สหรัฐฯ ผ่านร่าง กฎหมายห้ามเหยียดทรงผม
เขตเดอรัม ใน สหรัฐฯ ได้ผ่านร่าง กฎหมายห้ามเหยียดทรงผม เพื่อปกป้องสิทธิของกลุ่มผู้หญิงผิวดำ ที่มักเจอปัญหาดังกล่าวอยู่บ่อยครั้ง
เมื่อวันที่ 20 มกราคม สำนักข่าว ABC รายงานว่า สำนักงานเขตเดอรัมในรัฐนอร์ธแคโรไลนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ผ่านร่างกฎหมาย ห้ามไม่ให้ประชาชนเหยียดทรงผม หลังจากที่มีประชาชนจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้หญิงผิวดำที่ต้องประสบปัญหาดังกล่าวในระหว่างทำงาน
โดยอัยการประจำเขตเดอรัม ระบุว่า การเหยียดทรงผม ถือเป็น เหยียดผิวรูปแบบหนึ่ง พร้อมกล่าวว่าคงมีหญิงผิวดำส่วนน้อยเท่านั้นที่ไม่เคยถูกสั่งให้เปลี่ยนทรงผม หรือการดูถูกเหยียดหยาม เพราะการแต่งกายของพวกเธอ
กฎหมายข้อบังคับนี้ยังครอบคลุมการเหยียดอัตลักษณ์ทางเพศ รสนิยมทางเพศ สถานะทางทหาร อีกด้วย ซึ่งในหลายรัฐทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา เช่น รัฐแคลิฟอร์เนีย นิวยอร์ก ได้ผ่านร่างคล้ายคลึงกัน แต่เขตเดอรัมถือเป็นที่แรกที่ระบุเจาะจงถึงการเหยียดทรงผมด้วย
องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ได้ออกมาแสดงความมั่นใจว่า ประชาชนทั่วโลกจะได้รับ วัคซีนโควิด แน่นอน ขอประชาชนอย่ากังวล
เมื่อวันที่ 21 มกราคม สำนักข่าว ชาแนลนิวส์เอเชีย รายงานว่า องค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้ออกมากล่าวว่า ประชาชนที่ต้องการเข้ารับวัคซีนโควิดจะได้รับวัคซีนอย่างแน่นอน และขอให้อย่ากังวลไปว่าวัคซีนจะไม่เพียงพอ
Credit : ที่เที่ยวญี่ปุ่น | จัดอันดับต่างๆ | รีวิวของแบรนเนม | วิธีการลงทุนต่าง